ผลวิจัยชี้ “ช็อกโกแลต” ช่วยกระตุ้นสมอง เพิ่มความฉลาดได้

ผลวิจัยชี้ ช็อกโกแลต ช่ว

เรียบเรียงข้อมูลโดย :: แนท Eduzones
ข้อมูลบางส่วนจาก :: teen mthai
ภาพประกอบโดย :: แนท Eduzones

ช็อกโกแลต ขนมหวานสุดคลาสสิค แสนอร่อย ที่ไม่ว่าใครๆก็ชอบ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ก็มักจะมีคนบอกว่าทานมากไปไม่ดี อ้วน แต่รู้หรือไม่คะว่า หากเราทานถูกวิธี หรือทานแต่พอดี ช็อคโกแลต นั้น ก็มีประโยชน์ต่อเรามากกว่าแค่ความอร่อยนะคะ เพราะว่าเจ้าช็อคโกแลตอร่อยๆเนี่ย ช่วยกระตุนสมองเพิ่มความฉลาดได้นะคะ

จากการศึกษานักวิจัยมหาวิทยาลัยนอตติงแฮมพบว่า สารฟลาโวนอยด์ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระใน ช็อกโกแลต สามารถช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงสมองใด้นานถึง 3 ชั่วโมง และข้อดีของช็อกโกแลต คือ ช่วยฟื้นฟูการทำงานของสมองในช่วงที่การรับรู้ของคนเราจะแย่ลง ยิ่งถ้าเป็นดาร์คช็อกโกแลตก็จะยิ่งมีฟลาโวนอยด์เข้มข้นขึ้น

แต่ก็ยังมีหลายคน ที่มีความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับช็อคโกแลต ว่าไม่มีประโยชน์ ลองมาดูนี่กันค่ะ กับข้อเท็จจริงของช็อคโกแลต

ผลวิจัยชี้ ช็อกโกแลต ช่ว

เห็นมั้ยคะ ว่าช็อคโกแลตนั้นไม่ได้มีโทษแบบที่ใครๆก็คิดกัน หากแทนแต่พอดี ก็จะได้สุขภาพที่ดีนะคะ แล้วพบกันใหม่บทความหน้า สวัสดีค่า ^^

 

ขอขอบคุณ eduzones

วิธีรักษาดวงตา เมื่อจ้องจอนานๆ

วิธีรักษาดวงตา เมื่อจ้อง

ปัจจุบันคอมพิวเตอร์มีบทบาทมากมายในชีวิตประจำวัน เพือนๆ ก็เหมือนกันใช่ไหมครับ? ต้องจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ ซึ่งจะก่อให้เกิดอาการ ตาแห้ง ตาเหนื่อยล้า และอาจมีอาการแทรกซ้อนอื่นๆ ขึ้นมา ฉะนั้นเราจึงมีวิธีดูแลรักษาดวงตามาฝากค่ะ

1. หมั่นกระพริบตาให้บ่อยขึ้น อาการตาแห้งเกิดจากเมื่อเรามีสมาธิขณะทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ อัตราการกระพริบตาจะลดลงจาก 20-22ครั้ง ต่อนาที เหลือเพียง 6-8 ครั้ง ต่อนาที ถ้าไม่อยากตาแห้ง ก็ต้องกระพริบตาบ่อยขึ้น
2. จัดวางคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสม ปรับความสูงของจอให้เหมาะสม โดยระยะห่างระหว่างจอภาพกับตัวเรา ควรอยู่ระหว่าง 20-28 นิ้ว หรือประมาณ 1 ช่วงแขน จุดศูนย์กลางของคอมพิวเตอร์ควรอยู่ต่ำกว่าระดับสายตาประมาณ 4-9 นิ้ว ไม่ควรอยู่สูงหรือต่ำกว่านี้มากนัก และควรจะตั้งตรงหน้า ตำแหน่งการวางคอมพิวเตอร์ควรจะให้หน้าต่างอยู่ด้านข้างของโต๊ะ เพื่อป้องกันไม่ให้แสงตกสะท้อนหน้าจอ
3. ปรับตัวอักษรให้ใหญ่ขึ้น จะได้เห็นชัดๆ ครับ อย่าอายว่าเราต้องใช้ฟอนต์ใหญ่ๆ แล้วใครจะว่าว่าเราแก่ ^^

 4. เลือกแว่นที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ ควรใช้เลนส์สีชมพูอ่อน จะช่วยให้สบายตาขึ้นภายใต้แสงจากหลอดไฟฟ้าฟลูออเรสเซนต์ สำหรับคนที่ใส่แว่นควรปรึกษาจักษุแพทย์
 5. เบรกซะบ้าง ทุกๆ ชั่วโมง ควรลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายสัก 10 นาที เพื่อพักสายตา และป้องกันไม่ให้เกิดความเมื่อยล้า

6. เปลี่ยนจอใหม่ เลือกใช้จอชนิดLCD (จอแบน) แม้ราคาจะแพงกว่าจอธรรมดา (CRT) แต่ช่วยถนอมตาได้มาก

 

ขอขอบคุณ eduzones

10 อาการฉุกเฉินวิกฤตมีอะไรบ้าง พบคนป่วยรีบโทรแจ้ง 1669

โทรแจ้ง 1669

สพฉ. กำหนด 10 อาการฉุกเฉินวิกฤตให้ประชาชนได้เข้าใจง่าย ๆ  ย้ำป่วยฉุกเฉินโทรแจ้งสายด่วน 1669 บริการฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง

เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2559 นพ.อนุชา เศรษฐเสถียร เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กล่าวถึง การพัฒนาการให้บริการระบบการแพทย์ฉุกเฉินในประเทศไทย ว่า ขณะนี้ สพฉ. มีการพัฒนาระบบการช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลผู้ป่วยฉุกเฉิน  โดยผู้ป่วยฉุกเฉินสามารถแจ้งเหตุฉุกเฉินผ่านสายด่วน 1669  หรือผ่านแอพพลิเคชั่น 1669 ได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งหากได้รับการประเมินว่ามีอาการวิกฤตจริง จะมีทีมผู้ปฏิบัติการทางการแพทย์ฉุกเฉินไปรับและนำส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด

โดยเบื้องต้นได้ สพฉ. ได้กำหนดกลุ่มอาการฉุกเฉินวิกฤตที่ประชาชนสามารถเข้าใจได้ง่าย ๆ ไว้ 10 อาการ คือ 

1. หมดสติ ไม่รู้สึกตัว ไม่หายใจ
2. หายใจเร็ว หอบเหนื่อยรุนแรง หายใจติดขัดมีเสียงดัง
3. ซึมลง เหงื่อแตก ตัวเย็น หรือมีอาการชักร่วม
4. เจ็บหน้าอกเฉียบพลัน รุนแรง
5. แขนขาอ่อนแรงครึ่งซีก พูดไม่ชัด แบบปัจจุบันทันด่วน หรือชักต่อเนื่องไม่หยุด
6. ได้รับบาดเจ็บ ต่อสมอง ต่อกระดูกสันหลังมีแขนขาอ่อนแรง มีบาดแผลที่เสียเลือดมาก ถูกไฟฟ้าแรงสูง แผลไฟไหม้บริเวณกว้าง
7. ถูกยิง ถูกแทง ที่ศีรษะ ลำตัว อวัยวะสาคัญ
8. งูพิษกัด ซึม หายใจลำบาก หนังตาตก
9.  ตั้งครรภ์และชัก ตกเลือดมาก มีน้ำเดิน เด็กโผล่
10. บาดเจ็บต่อดวงตาจากสารพิษ มองไม่ชัด

โทรแจ้ง 1669

นพ.อนุชา ระบุอีกว่า หลักการง่าย ๆ คือ เมื่อคิดว่ามีอาการฉุกเฉินเข้าข่าย 10 อาการดังกล่าวแล้ว ให้รีบโทรแจ้งขอความช่วยเหลือทางการแพทย์ที่สายด่วน 1669 ทันที ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตได้รับการบริการทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐาน เนื่องจากรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน มีเครื่องมือ อุปกรณ์การแพทย์ในรถที่ได้รับการรับรอง มีความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งทางรถ อากาศยาน และเรือ และที่สำคัญคือจะลดการบาดเจ็บซ้ำ เนื่องจากมีทีมผู้ปฏิบัติการที่เชี่ยวชาญ ผ่านการฝึกอบรมในการช่วยชีวิต มีระบบการประสานงานที่ครอบคลุมรวดเร็ว และไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมยืนยันว่าผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตทุกคนที่อยู่ในประเทศไทยจะได้รับการบริการทางการแพทย์ฉุกเฉินอย่างทั่วถึง เท่าเทียม และได้มาตรฐานอย่างแน่นอน

 

 

ขอขอบคุณข้อมูล health.kapook.com

3 ปัจจัย ให้ได้งานเมื่อเรียนจบ

การจะรับคนๆหนึ่งเข้าทำงาน การให้ความสำคัญแค่ใบสมัครงานยังไม่พอ ช่วงเดือนสองเดือนที่ผ่านมานี้ เราคงจะรู้สึกว่ารถมันติดมากผิดปกติ สาเหตุหนึ่งก็มาจากเรามีบัณฑิตจบใหม่เข้ารับปริญญาบัตรกันแทบทุกสถาบันต่อเนื่องหลายวันเป็นเรื่องน่ายินดีที่ประเทศไทยจะได้คนรุ่นใหม่มาเป็นกำลังช่วยพัฒนาบ้านเมืองเพิ่มขึ้นซึ่งในความน่ายินดีนี้คุณรู้ไหมว่าปีหนึ่งๆ มีเด็กจบออกมากว่าสองแสนคนแต่จะมีคนที่ได้งานทำทันทีประมาณห้าหมื่นคนนั่นเท่ากับทุกสี่คนจะมีคนต้องรองานถึงสามคนถ้าเราเป็นเด็กจบใหม่เราอยากให้ตัวเองเป็นหนึ่งคนที่ได้งานหรืออยู่ในสามคนที่ไม่ได้งานทันทีที่จบ ฉบับนี้เราขอเสนอ3 ปัจจัยที่มีส่วนทำให้เราได้งานมากขึ้นพูดอีกแบบคือถ้าใครมี 3 ปัจจัยนี้แล้ว ก็จะช่วยให้เป็นแต้มต่อข้อได้เปรียบในการหางานนั่นเองมาดูกันว่ามีอะไรบ้าง

Internship

นักศึกษาทุกคนต้องผ่านวิชาการฝึกงานมาแล้วทั้งนั้น แล้วถามว่ามันจะสร้างความได้เปรียบได้ยังไงในเมื่อทุกคนก็เคยฝึกงาน ขอบอกว่าต่างมากเลยล่ะ เพราะอะไร ก็เพราะว่าการฝึกงานก็เสมือนการที่เราได้มีโอกาสแสดงฝีมือให้รุ่นพี่มืออาชีพเขาได้เห็นกับตาตัวเอง ใครทำงานได้ดีแค่ไหน ใครเก่ง ใครขยัน ใครอดทน ใครสู้งาน ใครเป็นยังไงพี่ๆ เขาดูออกได้ไม่ยาก ซึ่งจะทำให้เขาเล็งเห็นถึงความสามารถในตัวเราถ้าเราทำให้เขาประทับใจได้ในขณะที่ฝึกงาน เมื่อใดที่เราเรียนจบ ก็เหมือนคนเคยรู้จักกันมาก่อน เคยเห็นฝีไม้ลายมือกันมาบ้างแล้ว สิ่งนี้ก็จะกลายมาเป็นแต้มต่อให้เขาเลือกเราเข้าทำงานจริงได้ ถ้าเด็กคนไหนรู้จักใช้การฝึกงานเป็นเวทีโชว์ฝีมืออย่างเต็มที่ เมื่อฝึกงานเสร็จ คุณอาจจะได้ยิน คำพูดทำนองว่า “น้องเรียนจบเมื่อไหร่ก็กลับมาหาพี่อีกทีนะ” และนี่ก็คือแต้มต่อที่คุณมีมากกว่าเด็กคนอื่นแล้วนั่นเอง

Network

เราเรียกมันว่า สายสัมพันธ์ สิ่งนี้ก็สำคัญมันเกิดขึ้นได้จากการสร้างและสะสม ซึ่งมีอยู่สองวิธีคือ คุณสร้างขึ้นมาด้วยตัวเอง เช่น การขอเข้าไปฝึกงานอย่างที่บอกไปข้อแรก คุณก็จะได้พาตัวเองไปเจอกับพี่ๆ ในบริษัทนั้นๆ ซึ่งถือเป็นประตูบานแรกสุดที่จะทำให้คุณได้รู้จักคนมากขึ้น วิธีที่สองก็คือเมื่อคุณเข้าไปฝึกงานหรือทำงานที่ไหนสักแห่ง คุณก็ต้องพบเจอกับคนนอกบริษัทที่อยู่ในสายธุรกิจในวงการเดียวกันด้วยแน่นอน อาจจะมาจากการที่พี่เขาให้คุณช่วยติดต่อประสานงานกับคนนอกบริษัทหรือการที่คนภายนอกเข้ามาติดต่อทำงานร่วมกับบริษัทที่คุณฝึกงานอยู่ ถ้าคุณฉลาดพอที่จะทำความรู้จักเก็บเกี่ยวและสะสมคนรู้จักไปเรื่อยๆ คุณก็จะมีพี่ๆ ที่สามารถพูดคุยปรึกษาเรื่องการทำงานได้มากขึ้น ยิ่งคุณรู้จักคนมากเท่าไหร่ โอกาสในการมีงานทำก็มากขึ้นเท่านั้น ถ้าคนในบริษัทที่เราไปฝึกงานเขาไม่ถูกใจเรา ก็อาจจะมีคนอื่นนอกบริษัทที่เขาสนใจในตัวคุณก็ได้ การรู้จักคนมากๆ ยังไงก็ได้เปรียบ ลองคิดดูว่ามีคนรู้จัก 10 คนกับมี 100 คน ลู่ทางไหนจะมากกว่ากัน

Passion

อยากจะบอกว่าเรื่องนี้สำคัญที่สุดก็ว่าได้ เพราะถ้าคุณมีแรงปรารถนาในสิ่งที่คุณทำมากๆ รัศมีความสนใจใฝ่รู้มันจะแผ่ขยายออกไปรอบๆ ตัวคุณจนคนอื่นเขารับรู้ได้เอง เวลาคุณไปทำงาน พี่ๆ เขาก็จะรู้สึกว่าน้องคนนี้มีความกระตือรือร้น เวลาสัมภาษณ์งานพี่เขาก็มองเห็นแววตาที่เปร่งประกายบ่งบอกให้เห็นความอยากทำงานด้วยความจริงใจ ใครมีความปรารถนาแรงกล้ามาก ก็จะได้เปรียบเด็กคนอื่นที่ไม่รู้ว่าอยากทำอะไร ไปฝึกงานก็ทำไปงั้นๆ ไม่สนใจไม่ขวนขวายมาทำ แค่ขอผ่านวิชานี้เท่านั้น เวลาสัมภาษณ์งานก็ไม่มีอะไรแสดงให้พี่เขาเห็นว่าน้องมีความทะยานอยากได้งานนี้จริงๆ พี่เขาก็ไปเลือกคนอื่นดีกว่า สุดท้ายขนาดตัวเราเองยังไม่มีความสนใจ แล้วใครจะมาสนใจในตัวเราได้ล่ะ ทั้ง 3 ปัจจัยนี้ ถ้าเด็กคนไหนเริ่มตั้งแต่ตอนเรียนตอนฝึกงานทำงานอย่างเต็มที่ แสดงฝีมือให้เป็นที่ประทับใจของพี่ๆ ในวงการ จนเรียนจบสมัครงานและได้สัมภาษณ์งานจริง การได้งานก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องยากของชีวิต เพราะชีวิตมีอะไรยากๆ รอเราอยู่ในการทำงานจริงอีกเยอะ

ขอให้น้องบัณฑิตจบใหม่ทุกคนโชคดี…

ที่มา : 274 city magazine

 

เหตุผลที่เราควรใช้เงินซื้อประสบการณ์ต่างๆในชีวิตมากกว่าสิ่งของ

เหตุผลที่เราควรใช้เงินซื
สิ่งใดมีคุณค่าสำหรับคุณมากที่สุด? เราพิจารณาได้จากการใช้จ่ายเงินของคุณ คุณทำงานหนักและหมดเงินไปกับอะไรมากที่สุดล่ะ? รู้ไหมว่าประสบการณ์คือสิ่งที่จะดำรงอยู่ไปตลอดชีวิต คุณสามารถนึกย้อนกลับไปเพื่อสัมผัสกับความสุขได้ทุกเมื่อ แม้ว่าการจับจ่ายใช้สอยเพื่อวัตถุต่างๆอาจทำให้คุณรู้สึกตื่นเต้น แต่ทางที่ดีคุณควรลงทุนเพื่อแลกกับความทรงจำดีๆแทน และนี่คือเหตุผลที่คุณควรเลือกประสบการณ์ในชีวิตมากกว่าแคตตาล็อกเลือกซื้อสินค้า

อะไรๆก็เกิดขึ้นได้
ไม่ว่าจะเป็นอุทกภัย วาตภัย อัคคีภัย หรือพายุถล่มเมือง คุณนึกออกไหม? คุณอาจสูญเสียอัลบั้มภาพต่างๆที่เคยไปเที่ยวมา แต่ความรู้สึกหรือความทรงจำ ณ สถานที่ท่องเที่ยวเหล่านั้นก็จะยังคงอยู่กับคุณไปตลอดกาล

สิ่งของสามารถตกยุค เสื่อมสภาพ ซีดจาง และหายไป
คุณยังมีกางเกงขากระดิ่งอยู่ในตู้เสื้อผ้าหรือเปล่า? หรือคอมพิวเตอร์เก่า ปรินท์เตอร์เก่า และเครื่องเล่นซีดีเก่ากองๆอยู่ในห้องเก็บของไหม? คนเราไม่มีทางตามเทคโนโลยีหรือแฟชั่นทันหรอก! แต่ประสบการณ์ของคุณจะยังคงอยู่ทุกที่ทุกเวลา จงจำไว้ว่าไม่มีสถานที่ใดในโลกรอคุณได้ตลอด ไม่ว่าจะเป็นกรุงปักกิ่งหรือป่าอะเมซอนในบราซิล แม้แต่ร้านกาแฟหรือโรงภาพยนตร์ก็มีสิทธิ์ปิดตัวลงหากไม่มีคนไปเยี่ยมเยียน

เวลาเปลี่ยน มูลค่าเปลี่ยน
แม้ว่าของบางอย่างจะเพิ่มมูลค่าแต่ก็ไม่มีสิ่งใดรับประกันได้ ขณะที่ประสบการณ์ของคุณไม่สามารถประเมินค่าได้ไม่ว่าจะเป็นการปั่นจักรยานหนึ่งร้อยไมล์แรกในชีวิต การได้เห็นปลาโลมาสองตัวว่ายตามเรือของคุณ หรือการถูกขอแต่งงานที่ทะเลสาบโมเรน เงินซื้อความรักไม่ได้และก็ซื้อความทรงจำอันสวยงามไม่ได้ด้วยเช่นกัน

ความวุ่นวาย
ฉันต้องการใช้ชีวิตเก็บเกี่ยวประสบการณ์และนั่งรถ RV ท่องเที่ยวไปทั่วประเทศ! หากคุณเคยย้ายบ้านมาก่อนคงรู้ว่ามันยุ่งยากเพียงไร ดังนั้นลืมของเหล่านั้นไปซะและเก็บกระเป๋ามุ่งหน้าไปทะเลกันดีกว่า! ลืมมรดกตกทอดทั้งหลายแล้วไปถ่ายรูปเยอะๆกันเถอะ! เพราะรูปถ่ายสามารถเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ของคุณได้ไม่รกบ้านแน่นอน!

แบ่งปันประสบการณ์
ข้าวของทุกอย่างไม่ว่าจะคอมพิวเตอร์ รถยนต์ เสื้อผ้า กาแฟ อีเมล ชีวิต ล้วนแต่เป็นของคุณเพียงคนเดียว จะดีกว่าไหมถ้าเรารู้จักแบ่งปันและมีประสบการณ์ร่วมกัน เช่น ดื่มด่ำกับคืนอันแสนวิเศษกับกลุ่มเพื่อนรัก หรือเฉลิมฉลองวันปีใหม่กันในเมือง เป็นต้น คุณเบื่อกับการดูทีวีและเห็นนักกีฬาทีมโปรดเป็นฝ่ายแพ้แล้วหรือยัง? งั้นลองเปลี่ยนไปสัมผัสบรรยากาศในสถานที่จริงดีกว่าไหม? การแบ่งปันประสบการณ์ใหม่ๆร่วมกันจะทำให้คุณกับคนรักมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นขึ้น

เปลี่ยนแปลงชีวิต
ถามจริงคุณเคยได้ยินคนใกล้ตายพูดว่าฉันน่าจะซื้อแก้วแหวนเงินทองหรือทำนู่นนี่อีกสักครั้งหรือเปล่า? คำตอบคือไม่มีเลย รู้ไหมว่าความรักกับความทรงจำที่เราทิ้งไว้เบื้องหลังต่างหากที่จะคงอยู่ไปตลอดกาล คุณสามารถสร้างการผจญภัยใหม่ๆในชีวิตขึ้นมาได้เอง เช่น การไปเยี่ยมลูกสาวที่อยู่ต่างเมือง การลองชิมซูชิในร้านอาหารเปิดใหม่ การชวนคู่รักเต้นซัลซ่าด้วยกัน การไปเรียนต่างประเทศและเรียนรู้ภาษาใหม่ๆ การเปลี่ยนวิสัยทัศน์ของตัวเอง หรือการลองนั่งเฮลิคอปเตอร์หรือบอลลูนเพื่อเอาชนะโรคกลัวความสูงพร้อมกับมุมมองแปลกตา! หากโลกใบนี้คือเวทีก็อย่ามัวแต่หลงมัวเมาอยู่กับฉากหรือเครื่องแต่งตัวสวยๆ อย่าสร้างกำแพงขวางกั้น จงออกไปใช้ชีวิตและสัมผัสกับประสบการณ์ต่างๆด้วยตัวเองซะ!

ที่มา blog.eduzones.com

เทคนิคการเรียนการสอนของครูยุคนี้ น่ารักจริงๆ

ในยุคที่เทคโนโลยีเข้าถึง มีสิ่งล่อตาล่อใจ ทำลายสมาธิเด็กๆ วัยเรียนแบบนี้ แผนการเรียนการสอนของคุณครูก็ต้องปรับให้เข้ากับสภาพสังคม ดูวิธีน่ารักๆ ของอาจารย์ท่านนี้ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในภาคอีสาน บอกเลย..ประทับใจมากๆ การตรวจการบ้านนักเรียนที่สร้างกำลังใจได้ดี แล้วยังส่งเสริมวัฒนธรรมท้องถิ่นให้กับเด็กๆ ไม่ลืมภาษาถิ่นของตัวเองด้วย


นางสาว รสนถา ราสุ หรือ ครูกาว ครูประจำวิชาเคมี โรงเรียนเพชรพิทยาคม อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ สร้างกระแสฮือฮาให้กับวัยรุ่น โดยทำตรายาง ปั๊มตรวจงานให้กับนักเรียนด้วยภาษาท้องถิ่น จนเป็นประแสบนโลกโซเชียล เมื่อเด็กนักเรียนชั้น ม.5 นำภาพตรายาง ของครูกาว ที่ปั๊มตรวจงานให้นักเรียนไปโพสต์ลงบนทวิสเตอร์@ju_du_dui และถูกแชร์ส่งต่อกันเป็นจำนวนมาก โดยข้อความในตรายาง ระบุเป็นภาษาอิสานว่า เบิ่งแล้ว หมายถึง ตรวจแล้ว, คักโพ๊ด หมายถึง เยี่ยมมาก, คักอยู่ หมายถึง เยี่ยม, บ่ปานได๋ หมายถึง พอใช้ , บ่เป็นตา หมายถึง ปรับปรุง

ครูกาว เล่าว่า พึ่งคิดทำตรายางเป็นภาษาอิสานเป็นเทอมแรก ด้วยพื้นเพเป็นคนอิสาน จึงได้ไปติดต่อร้านทำตรายาง และเลือกแบบ ที่เป็นภาษาอิสาน เพราะเห็นว่าเป็นภาษาถิ่น และอยากให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ และดึงดูดให้เด็ก ๆ ขยันส่งงาน ไม่เครียดกับการเรียนหนังสือ แต่ไม่คิดว่าจะเป็นที่ชื่นชอบของเด็กนักเรียนมากขนาดนี้

ด้าน นางสาวญาณิศา สุริวงษ์ นักเรียนชั้น ม.5/2 บอกว่า รู้สึกชอบ ที่ครูกาว นำตรายางภาษาอิสานมาใช้ เพราะวิชาเคมี เป็นวิชาเรียนที่ค่อนข้างเครียด เมื่อมาเจอข้อความภาษาอิสาน จึงทำให้รู้สึกไม่เครียดกับการเรียน แถมยังต้องคอยมาลุ้นกันว่า ใครจะได้ข้อความ หรือคะแนนอะไร จึงถือเป็นเรื่องที่ดี ที่ทำให้เด็กนักเรียนรู้สึกสนุก และตั้งใจเรียนมากขึ้น


ที่มา http://www.unigang.com/Article/36524

ซึ้งมาก เมื่อเด็กหญิงเอาเสื้อนักเรียนเก่ามาปักชื่อ แต่ได้เสื้อใหม่กลับไป พร้อมน้ำใจมากมาย

    แชร์กันเพียบ เรื่องราวอบอุ่นใจ.. เมื่อเด็กหญิงเอาเสื้อนักเรียนมาปักชื่อ แต่ได้เสื้อใหม่กลับไป พร้อมน้ำใจมากมาย งานนี้เต็มไปด้วยรอยยิ้มทั้งผู้ให้และผู้รับจริง ๆ

เป็นเรื่องราวที่อ่านแล้วอุ่นหัวใจไม่น้อย ถึงการแบ่งปันและการให้..แม้สิ่งของนั้นจะมีมูลค่าไม่มาก แต่เมื่อแลกกับรอยยิ้มของคนที่ได้รับนั้นก็ดูจะสุขจนล้นใจเลยล่ะ 

ทั้งนี้เหตุการณ์น่ารัก ๆ ดังกล่าว คุณเปิ้ล งานปัก บัวหลวงธานี สมาชิกเฟซบุ๊ก ได้โพสต์ข้อความเล่าเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2559 ว่า มีเด็กผู้หญิง 2 คน เอาเสื้อมาปัก โดยเธอนั้นตั้งใจจะปักให้ฟรี แต่พอเห็นสภาพเสื้อแล้วคิดว่าคงปักให้ไม่ได้ เพราะเสื้อเก่าและเปื่อยกลัวปักไปเสื้อจะขาด เลยตัดสินใจซื้อเสื้อใหม่ให้น้อง 1 ตัว พอไปบอกร้านค้าขายเสื้อ คนขายก็ใจดีให้มาอีก 1 ตัว และมีคนใจบุญให้เงินอีก 100 บาท

เมื่อเด็กผู้หญิงคนนี้มารับเสื้อ พอเห็นชื่อตัวเองในเสื้อนักเรียนตัวใหม่ ก็ยิ้มแป้นเลยทีเดียว.. รอยยิ้มเล็ก ๆ เพียงแค่นี้ก็ทำให้เธอมีความสุขไม่น้อยเลย

อย่างไรก็ดี มีคนติดต่อผ่านเจ้าของเรื่องทางเฟซบุ๊กเพียบ เพื่อจะมอบเสื้อและของใช้ที่จำเป็น รวมถึงทุนการศึกษาให้น้องคนดังกล่าวมากมายเลยทีเดียว

ที่มา  http://www.unigang.com/Article/36516

วิธีการฝึกและพัฒนาสมองให้ฉลาดสุดๆ

วิธีการฝึกและพัฒนาสมองให

 

1. เอาชนะความขี้เกียจ
จงทำงานทุกอย่างของคุณอย่างขยันขันแข็ง ที่สำคัญห้าม ผัดวันประกันพรุ่งเป็นอันขาด เพราะจะยิ่งช่วยสะสมความขี้เกียจของคุณเอาไว้ เหมือนดินพอกหางหมูนั่นแหล่ะ

2. คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล
เมื่อใดที่เราคบกับคนฉลาดมีความคิด แน่นอนว่าสิ่งดีๆก็จะตามมา ทั้งเรื่องที่พูดจากันในแต่ละครั้ง ก็มักจะแฝงไปด้วยเรื่องที่ให้ใช้สมองคิด บางทีอาจจะได้ความรู้ใหม่ๆเอาไว้ประดับตัวด้วยนะ

3. บันทึกสิ่งที่เรียนรู้อยู่เสมอๆ
ที่จริงๆแล้วทุกวันนี้มีทางเลือกเยอะมาก ทั้งในอินเตอร์เน็ต สมุดบันทึก หรือโทรศัพท์ การทำแบบนี้ยังจะช่วยให้เรามีความรับผิดชอบเพิ่มขึ้นด้วยนะ

4. บอกเล่าเรื่องให้คนอื่นฟัง
อาจจะดูคลับคล้ายคลับคลาเหมือนว่าอวดฉลาด แต่ถ้าเป็นการพูดคุยแสดงความรู้เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องปกติ แต่จริงๆการทำแบบนี้สร้างผลดีให้กับทั้งคุณและเพื่อน เพื่อนคุณก็จะได้ความรู้ใหม่ๆ เช่นเดียวกับคุณ แล้วยังเป็นการช่วยทบทวนความรู้นั้นไปในตัว

5. หาบุคคลที่เป็นแรงบันดาลใจสักคน
คนนี้อาจจะเป็นใครก็ได้ ที่คุณรู้สึกว่าชื่นชอบหลักการในการใช้ชีวิต แต่ก็ควรจะเป็นคนดี!!

6. ศึกษาเรื่องที่สนใจ
พยายามหาเรื่องที่สนใจบ่อยๆ อาจจะเป็นเรื่องในกระแส หรือเรื่องที่เราชอบส่วนตัว พอได้เรื่องดีๆแล้วก็รีบไปหาข้อมูลทำการค้นคว้าอย่างจริงจัง เพื่อที่จะได้มีความรู้ลึกๆกับเค้าบ้างสักเรื่อง

7. อ่าน อ่าน แล้วก็อ่าน
ขึ้นชื่อว่าการอ่านแล้วไม่ว่าจะอ่านอะไรก็ดีไปซะหมด เพียงแค่คุณยอมเสียเวลาสักนิดมาอ่านหนังสือ แค่วันละ 1บทก็พอ ดีไม่ดี ถ้าเจอหนังสือเล่มที่ถูกใจอาจจะอ่านเลยเถิดไปจนจบเล่มก็ได้ ยิ่งอ่านมาก ยิ่งรู้มากนะ

8. สร้างความเห็นที่แตกต่าง
ไม่ได้แปลว่าให้คุณกลายเป็นคนขวางโลก โต้แย้งกับเหตุผลของคนอื่นอยู่เสมอ แต่อยากให้คุณลองคิดอะไรใหม่ ที่มันนอกกรอบดูบ้าง อย่าเป็นคนเออออไปกับทุกอย่างที่คนอื่นเสนอ ลองเป็นคนสร้างความคิดเห็นดูบ้าง เพื่อเป็นการหัดคิด และช่วยเปิดโลกทัศน์ให้กว้างขึ้นอีกด้วยนะ

9. อ่านหนังสือพิมพ์
ตัวช่วยเพิ่มความรู้ชั้นยอด เพราะนอกจะทำให้เราได้ตามติดข่าวสำคัญแล้ว ยังได้อัพเดทความรู้ใหม่ๆก่อนใครเพื่อน เวลาไปเข้าสังคมจะได้ตามมีเรื่องคุยแลกเปลี่ยนกับเพื่อนๆ ได้อีกด้วยนะ

10. คิดไอเดียใหม่ๆ ทุกวัน
เป็นการฝึกความคิดครีเอทีฟอย่างดีเลยล่ะ เพียงแค่คุณเริ่มคิดอะไรใหม่ๆก็ถือเป็นเรื่องดีแล้ว ขอให้ได้วันละ 10 ไอเดียที่แตกต่างจากชาวบ้านเค้าก็พอแล้ว อาจจะคิดถึงเรื่องใกล้ๆ ตัวแบบ เอ…วันนี้ทำเมนูอาหารใหม่ๆ อะไรดี การเดินทางไปที่ทำงานโดยใช้เส้นทางสายใหม่ แค่นี้ก็ถือว่าเยี่ยมแล้วล่ะ

ที่มา  https://blog.eduzones.com/moobo/161805